วัดเจดีย์หอย
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี


ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อเงิน การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 341 (ปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 21-22 แล้วแยกเข้าวัดไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร บริเวณวัดมีการขุดพบ ซากหอยนางรมยักษ์อายุนับล้านปีจำนวนมาก หลวงพ่อทองกลึงจึงนำซากหอยโบราณ มาก่อเป็นเจดีย์ขึ้นที่ด้านหน้าทางเข้าและในวัด นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์รวบรวมพระพุทธรูป และศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ ข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ จำนวนมาก เช่น ตุ่มสามโคก ถ้วยชามดินเผา ไม้แกะสลัก เครื่องคิดเลข เปลือกหอยนางรมยักษ์ หอยมือเสือยักษ์ ฆ้องทองเหลืองที่ลูบแล้วมีเสียงดังได้โดยไม่ต้องตี นอกจากนี้ในบริเวณวัดยังมีสวนสมุนไพร บ่อเลี้ยงเต่าและบ่อปลาสำหรับให้นักท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ กับการให้อาหารสัตว์เหล่านี้
วัดหงษ์ปทุมาวาส (วัดมอญ)
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี



ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตำบลบางปรอก ใกล้กับตลาดสดเทศบาล เป็นวัดที่สร้างโดยชาวมอญที่อพยพหนีพม่ามาไทย ในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี มีสัญลักษณ์ของวัดมอญคือ เสาหงส์ ซึ่งบนยอดเสาเป็นตัวหงส์หมายถึง เมืองหงสาวดี เมืองหลวงของชาวมอญ ปูชนียวัตถุสำคัญของวัดคือ พระพุทธชินราชจำลองปางมารวิชัย เจดีย์มอญจำลองแบบมาจาก เจดีย์จิตตะกองในเมืองหงสาวดี วิหารจำลองได้แบบมาจากกรุงหงสาวดี หลังคาเป็นชั้นๆ มีลวดลายที่สวยงามมาก อุโบสถเป็นอุโบสถสร้างใหม่ตามสถาปัตยกรรมของไทย มองเห็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ได้แต่ไกล ภายในอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องราวพุทธประวัติและยังมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย รูปหล่อหลวงปู่เฒ่าที่ชาวบ้านนับถือ และมีศาลาการเปรียญประดับด้วยไม้แกะสลักสวยงาม วัดแห่งนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ โครงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาหน้าวัด มีพันธุ์ปลาต่างๆ มากมายที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาเช่น ปลาสวาย ปลาเทโพ ว่ายมาชุมนุมกันอยู่เนืองแน่น เพื่อรอรับอาหารจากผู้มาทำบุญไหว้พระที่วัด
วัดพืชอุดม
อำเภอลำลูกกา จ.ปทุมธานี

ตั้งอยู่ที่ตำบลลำไทร จากแยกอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ไปตามทางหลวงสาย 3312 ประมาณ 31 กิโลเมตร มีรถสองแถวบริการจากมีนบุรี หนองจอก และจากสะพานใหม่มายังวัดตลอดวัน วัดพืชอุดมตั้งอยู่ริมคลองหกวา บริเวณวัดเต็มไปด้วยรูปปั้นแสดงความเชื่อเรื่องบาปบุญในพระพุทธศาสนา ส่วนในพระอุโบสถประดิษฐานหลวงพ่อโสธรจำลอง มีบันไดเล็ก ๆ ขึ้นไปยังสวรรค์ภูมิทั้ง 9 ชั้นที่ได้จำลองไว้ และมีทางลงไปนรกภูมิใต้อุโบสถ
วัดบัวขวัญ
อำเภอลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี


เป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอลาดหลุมแก้ว การเดินทางใช้เส้นทางสาย 341 (ปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว) เลี้ยวซ้ายที่หลักกิโลเมตรที่ 21-22 ไปอีก 5 กิโลเมตร ที่วัดนี้มีพระพุทธรูปทองสำริด ปางบำเพ็ญทุกขกิริยา ซึ่งสร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 พร้อมกับพระพุทธรูป ตามระเบียงวัดเบญจมบพิตร นอกจากนี้ยังมีรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งจำลองมาจากวัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีและพลับพลาที่ประทับแรกนาขวัญ สมัยรัชกาลที่ 6 เดิมเรียกว่า "ศาลาแดง" ตั้งอยู่ที่วังพญาไท ในกรุงเทพฯ
วัดไผ่ล้อม
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี


ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านงิ้ว บนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านเหนือของจังหวัดปทุมธานี ใช้เส้นทาง 3309 (ถนนสายเชียงรากน้อย ซึ่งเป็นทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา) เป็นแหล่งดูนกปากห่างที่ได้รับความสนใจ ทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศ เป็นอันมาก ได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ซึ่งรวมพื้นที่ของวัดไผ่ล้อมและวัดอัมพุวราราม ในเนื้อที่ 74 ไร่ บริเวณวัดมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น เป็นที่อาศัยของนกปากห่างมากว่า 100 ปีแล้ว นกปากห่างเป็นนกในวงศ์นกกระสา แต่มีลักษณะเฉพาะที่จะงอยปากซึ่งปิดไม่สนิท คือมีร่องโค้งตรงกลางปาก ซึ่งมีประโยชน์ต่อนกในการจับหอยโข่งกินเป็นอาหาร นกปากห่างมีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า ไทย ลาว เขมร และเวียดนาม อพยพมาหาพื้นที่เหมาะสมในไทยเพื่อผสมพันธุ์ สร้างรังและวางไข่ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี ซึ่งในช่วงฤดูผสมพันธุ์นี้ จะเห็นถึงสายสัมพันธ์ของครอบครัวนกในการสร้างรังด้วยกิ่งไม้ ผลัดกันหาอาหารและดูแลลูกน้อย มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติและหอดูนก รายละเอียดติดต่อที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่า วัดไผ่ล้อมและวัดอัมพุวราราม โทร. 0 2979 8596 การเดินทาง วัดไผ่ล้อมสามารถโดยสารรถสองแถว จากตัวเมืองสายปทุมธานี-เชียงราก ลงรถหน้าวัด หรือนั่งรถสองแถวสายปทุมธานี-สามโคก ลงรถที่วัดดอน (วัดสุราษฏร์รังสรรค์) หรือวัดสามัคคิยาราม แล้วต่อเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายังวัด ค่าโดยสารเรือคนละ 10 บาท นอกจากนี้ยังมีรถสายหมอชิต-อ.เสนา และรถสายนนทบุรี-อ.เสนา ลงรถที่วัดดอนแล้วนั่งเรือข้ามฟากมายังวัดไผ่ล้อม นอกจากนี้ ยังมีบริการนำเที่ยวทางเรือกรุงเทพฯ-วัดไผ่ล้อม-ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จัดโดยบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ไป-กลับ ทุกวันอาทิตย์ สอบถามรายเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2623 6001-3
วัดสิงห์
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี



ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา การเดินทางใช้ถนนสายปทุมธานี-สามโคก ประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาเข้าวัด เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งยังปรากฏเจดีย์ โบสถ์ วิหารเก่าแก่ ควรค่าแก่การศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี พระพุทธรูปสำคัญของวัดคือ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อเพชร) นอกจากนี้ยังมีโกศบรรจุอัฐิหลวงพ่อพญากราย ซึ่งเป็นพระมอญธุดงค์มาจำพรรษาที่วัดสิงห์ บนกุฎิของวัดมีพิพิธภัณฑ์ เก็บรักษาของเก่าได้แก่ ตุ่มสามโคก แท่นบรรทมของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองสามโคก ใบลานอักษรมอญ ตู้พระธรรม และพระพุทธรูป การเข้าชมต้องขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดก่อน ด้านหน้าวัดสิงห์มีการขุดค้นพบโบราณสถานเตาโอ่งอ่าง ซึ่งถือเป็นหลักฐานของการตั้งชุมชนมอญในสมัยแรก ในบริเวณนี้นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตุ่มสามโคก เป็นภาชนะบรรจุที่ใหญ่ที่สุดซึ่งผลิตจากเตาแหล่งนี้ ต่อมาภายหลังชาวรามัญเมืองสามโคก ได้เลิกร้างการผลิตไปโดยย้ายการผลิตไปที่เกาะเกร็ด เมืองนนทบุรี ซึ่งได้ขยายการผลิตตุ่มสามโคกขึ้นเป็นจำนวนมาก และได้นำไปขายขึ้นล่องตามลำน้ำไปทั่วทุกภาค ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยโอ่งลายมังกรจากราชบุรีลักษณะตุ่มสามโคกมีเนื้อดินสีแดงส้ม เหมือนสีอิฐหรือสีมันปู เนื้อภาชนะค่อนข้างหนา รูปทรงปากโอ่งแคบ คอโอ่งจะติดกับไหล่ มีลายยืดเป็นเส้นคู่ตรงไหล่ ตรงกลางตุ่มป่องกลม รูปทรงเตี้ยป้อม ปากและก้นโอ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน ปัจจุบันหาดูตุ่มสามโคกของเก่าได้ที่ วัดสิงห์ วัดสามโคก และตุ่มสามโคกขนาดใหญ่ ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนครที่กรุงเทพฯ
วัดเจดีย์ทอง
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี


ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลคลองควาย การเดินทางใช้เส้นทางสายปทุมธานี-สามโคก ประมาณ 8 กิโลเมตรและแยกขวาเข้าวัดอีกประมาณ 500 เมตร ในวัดนี้มีเจดีย์ทรงรามัญ สร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์โดยชาวมอญ เป็นสถาปัตยกรรมมอญที่เลียนแบบมาจาก เจดีย์จิตตะกองของพม่า และมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างขึ้นด้วยหยกขาว เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยรามัญ
วัดเขียนเขต
อำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี
สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2439 โดยหม่อมเขียน หม่อมในพระเจ้าวรวงศ์เธอเจ้าสายสนิทวงศ์ เป็นผู้มอบถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด แรกเริ่มนั้นวัดนี้เป็นเพียงสำนักสงฆ์ มีหลวงพ่อดำเป็นเจ้าสำนักโดยใช้วัตถุหาง่าย เช่น นำเอาไม้ไผ่มาขัดเป็นพื้นหลังคา และฝาผนังทำด้วยหญ้า หม่อมเขียนพร้อมด้วยเครือญาติและประชาชนในท้องถิ่น เห็นความลำบากของพระเณรที่จำพรรษาอยู่ จึงได้ร่วมกันบริจาค ทรัพย์สร้างกุฏิเป็นทรงไทยขึ้นใหม่รวม 6 หลัง เพื่อเป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น หอระฆังเก่า โบสถ์หินอ่อนเก่าและจิตรกรรมฝาผนัง ที่แสดงให้เห็นประเพณีไทยดั้งเดิม และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวปทุมธานี
วัดลำมหาเมฆ
อำเภอลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี



ตั้งอยู่ที่บ้านลำมหาเมฆ หมู่ที่ 5 ตำบลบ่อเงิน อำเภอลาดหลุมแก้ว ห่างจากตัวจังหวัดตามเส้นทางสายปทุมธานีบางเลน ประมาณ 14 กิโลเมตร สิ่งที่น่าสนใจคือ บริเวณบึงน้ำไหลของวัดมีนกมากมายหลายชนิดอาศัยสร้างรัง ฟักไข่ตามธรรมชาติจำนวนมาก ได้แก่ นกกระยางขาว นกกระสา นกกาน้ำ และนกชนิดอื่นๆ
วัดพลับสุธาวาส
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี


ตั้งอยู่ที่ ตำบลเชียงรากน้อย วัดมีสิ่งสำคัญคือ พระพุทธรูปสร้างด้วยโลหะเงินปางสะดุ้งมาร ธรรมมาสน์ทำด้วยไม้สักฉลุสีแดงลายทอง และเจดีย์มอญอายุกว่า 100 ปี มีฐานเป็นสิงห์ องค์สถูปชั้นยอดเจดีย์เป็นดอกบัว 9 ชั้น ลักษณะเจดีย์เป็นทรงสี่เหลี่ยม
วัดบางนา
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี


ตั้งอยู่ตำบลบางโพธิเหนือ เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2310 โดยมีครอบครัวคนไทยอพยพหนีภัยสงครามมาจากกรุงศรีอยุธยา และได้จัดสร้างวัดนี้ขึ้นซึ่งแต่เดิมอยู่ในคลอง ไม่สะดวกต่อการคมนาคม จึงได้ย้ายมาอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในบริเวณวัดมีพระป่าเลไลย์ เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง 2 องค์ เสาหงส์ และกุฏิตึกโบราณ นอกจากนี้ยังขุดค้นพบกระเบื้องดินเผาตัวผู้ ตัวเมียสำหรับมุงหลังคาโบสถ์อายุกว่า 100 ปี ประชาชนมักแวะมาสักการหลวงปู่เส็งซึ่งมรณภาพแล้ว แต่สรีระไม่เน่าไม่เปื่อย และยกหินศักดิ์สิทธิ์เสี่ยงทาย
วัดท้ายเกาะ
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี



อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลท้ายเกาะ อยู่ท้ายเกาะใหญ่มีเจดีย์มอญที่ใหญ่ที่สุด กุฏิลายจำหลักไม้สวยงาม ชมศาลาสองหลังต่อกันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในคราวเสด็จประพาสต้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ร.ศ. 125 ซึ่งพระองค์เสด็จประทับ ณ ศาลาหลังนี้ และชมจระเข้สตาฟแต่ก่อนนั้นจระเข้บริเวณนี้ชุกชุมมาก มอญเรียกว่า “เวียงจาม” เป็นวัดที่อยู่สุดเขตจังหวัด ปทุมธานีต่อกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วัดจันทน์กะพ้อ
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี


ตั้งอยู่ที่ตำบลบางเตย ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 6 กิโลเมตร สร้างโดยชาวมอญ ในสมัยรัชกาลที่ 2 ชื่อว่า “วัดโกว๊ะ” ซึ่งแปลว่า “จันทน์กะพ้อ” ซึ่งชาวมอญ ถือว่าเป็นไม้มงคลเหมือนต้นราชพฤกษ์ ภายในวัดมีหอวัฒนธรรม ซึ่งเก็บรวบรวมศิลปวัตถุมอญ และยังมีโครงการอนุรักษ์พันธุ์ปลาหน้าวัด นอกจากนี้ยังเป็นวัดที่ประกอบพิธีสำคัญของชาวปทุมธานีเช่น พิธี “ออกฮ้อยปะจุ๊” แข่งธงตะขาบ งานตักบาตรพระร้อย เป็นต้น
วัดศาลาแดงเหนือ
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี

ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลเชียงรากน้อย อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก มีสิ่งที่น่าสนใจคือ ธรรมมาสน์ลายจำหลักไม้ ศาลาการเปรียญ หมู่กุฏิหอไตร และเครื่องกรองน้ำสมัยโบราณที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้มีการสวดมนต์ด้วยภาษามอญทุกวัน เวลาประมาณ 15.00 น. บริเวณวัดนี้มีการรักษาความสะอาดของหมู่บ้านได้อย่างดีเยี่ยม เป็นหมู่บ้านที่ชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านอนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยาดีเด่น ของกระทรวงสาธารณสุขปี พ.ศ. 2541 และยังมีการปลูกบ้านเรือนไทยผสมผสานแบบมอญที่หาชมได้ยากยิ่ง
วัดสองพี่น้อง
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี


ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านงิ้ว ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เหนือวัดไผ่ล้อม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2410 มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ 2 องค์ประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำ คือ หลวงพ่อเพชร เป็นพระพุทธรูปศิลา ศิลปะอู่ทองปางมารวิชัย และหลวงพ่อพลอย เป็นพระพุทธรูปศิลปะอู่ทองจำหลักด้วยศิลา แต่ถูกขโมยไป ทางวัดได้จัดสร้างขึ้นมาใหม่ เป็นที่เคารพนับถือของชาวเรือและประชาชนทั่วไป
วัดเมตารางค์
อำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี

อยู่ในเขต ตำบลเชียงรากน้อย ภายในมีเจดีย์แบบชะเวดากองเป็นรูปแปดเหลี่ยม ยอดเจดีย์มีฉัตรทำด้วยทองเหลืองเป็นลายเทพพนมอายุ 150 ปี หอสวดมนต์พื้นไม้สัก เสาไม้แก่นกลมศาลาการเปรียญมีเสาหงส์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดมอญ มีรูปหงส์อยู่บนยอดเสา
วัดป่ากลางทุ่ง
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี

อยู่ที่ตำบลบางขะแยง ภายในอุโบสถผนังด้านหลังพระประธาน ปรากฏภาพเขียนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งอดีต ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีภายในซุ้มเรืองแก้วอันวิจิตร ด้านซ้ายขวามีสาวกบนฐานดอกบัวบาน ประนมมือด้วยดอกบัว 3 ดอก น้อมกายไปข้างหน้าอย่างอ่อนช้อยเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา พื้นผนังสีแดงชาด เขียนภาพดอกไม้ร่วงโปรยลงมาเป็นระยะ จึงเป็นผลงานในอดีต อันทรงคุณค่าของเมืองปทุมธานี
วัดบางหลวง
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี



ตั้งอยู่ที่ตำบลบางหลวง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 3 กิโลเมตร วัดมีสิ่งที่สำคัญคือ พระอุโบสถทรงไทยโบราณ ภายในมีพระประธานปางมารวิชัย และภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธประวัติ นอกจากนี้ ยังมีเจดีย์มอญ 2 องค์ คือ ทรงชเวดากอง และมูเตา ซึ่งวัดนี้ใช้ประกอบศาสนพิธีของชาวบ้าน มาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนมาถึงปัจจุบัน
วัดฉาง
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี



ตั้งอยู่ที่บ้านฉาง ภายในวัดมีสิ่งสำคัญคือพระวิหารเก่า มีจิตรกรรมปรากฎอยู่ที่หน้าบันพระวิหาร และพระพุทธรูปปางสมาธิ ที่สร้างจากสตางค์แดงทั้งองค์ ซึ่งประชาชนเลื่อมใสมานมัสการอยู่มิได้ขาด นอกจากนี้ยังมีศาลาท่าน้ำที่มีความงดงาม อยู่ที่ลวดลายแกะสลักที่ชายคาวัดนี้ชาวบ้านใช้ประกอบศาสนาพิธี ตั้งแต่รัชกาลที่ 2 จนถึงปัจจุบัน
วัดโบสถ์
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี

ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านกลาง ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางโดยข้ามสะพานปทุมธานีไปฝั่งตะวันออก จะมีทางแยกซ้ายไปกลับรถใต้สะพาน เพื่อไปยังวัดซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน วัดโบสถ์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2164 โดยชาวมอญที่อพยพมาจากเมืองหงสาวดี ชื่อวัดโบสถ์นำมาจากชื่อหมู่บ้านที่ชาวมอญอพยพมาจากเมืองมอญ เช่นเดียวกับวัดอีกหลายวัดในปทุมธานี เช่น วัดหงษ์ วัดบางตะไนย์ ประชาชนมักมาที่วัดเพื่อสักการะหลวงพ่อสามพี่น้องในพระอุโบสถ และรูปหล่อหลวงปู่เทียน (พระครูบวรธรรมกิจ) พระเถระผู้ทรงคุณวิทยา ส่งเสริมด้านการศึกษาให้ชาวปทุม วัดนี้ยังคงมีวิหารเก่าเหลืออยู่ 1 หลัง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่จากรามัญ คือ พระแสงอาญาสิทธิ์ และยังเก็บรักษาสิ่งสำคัญคือ ช้างสี่เศียร และบุษบกสัมฤทธิ์สำหรับประดับเสาหงส์ และรูปปั้นสุนัขย่าเหลหล่อด้วยตะกั่วที่เจ้าอาวาสได้รับพระราชทานมา จากรัชกาลที่ 6 เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองปทุมธานี
วัดโบสถ์
อําเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี



วัดโบสถ์ ตั้งอยู่เลขที่ 15 หมู่ที่ 1 ตำบลบางกระบือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต
ติดต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศใต้ติดต่อกับที่เอกชน ทิศตะวันออก ติดต่อกับที่นา ทิศตะวันตกติดต่อกับถนน พื้นที่ตั้งวัด
เป็นที่รายลุ่มอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีถนนติดต่อเข้าวัด การคมนาคมสะดวก ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่างๆ ดังนี้ อุโบสถ
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2493 กุฎีสงฆ์ หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ ปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถ เจดีย์ 1องค์ อยู่ด้านหน้าอุโบสถรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประดิษฐาน
สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2370 ได้สร้างโบสถ์ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมามาแต่เดิม
ต่อมาได้สร้างอุโบสถใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลัง เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496
การศึกษาทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการศึกษาของชาติไทย
โดยให้ทางราชการสร้างโรงเรียนประชาบาลสอนระดับประถมศึกษา ปัจจุบัน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ในที่ดินวัด เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน พระอุดมสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (ธรรมยุต)
เป็นที่รายลุ่มอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีถนนติดต่อเข้าวัด การคมนาคมสะดวก ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่างๆ ดังนี้ อุโบสถ
สร้างเมื่อ พ.ศ. 2493 กุฎีสงฆ์ หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ ปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถ เจดีย์ 1องค์ อยู่ด้านหน้าอุโบสถรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหารองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยประดิษฐาน
สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2370 ได้สร้างโบสถ์ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมามาแต่เดิม
ต่อมาได้สร้างอุโบสถใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลัง เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496
การศึกษาทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนการศึกษาของชาติไทย
โดยให้ทางราชการสร้างโรงเรียนประชาบาลสอนระดับประถมศึกษา ปัจจุบัน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ ในที่ดินวัด เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน พระอุดมสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (ธรรมยุต)
วัดเจตวงศ์
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี



เป็นวัดที่ตั้งอยู่ที่ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง สภาพโบราณสถานโบราณวัตถุด้านหน้าพระอุโบสถมีขนาดเล็ก ผนังก่ออิฐมุงด้วยกระเบื้องดินเผาด้านหน้า มีชายคาปีกนกยื่นมากันฝน มีช่องประตูเดียว มีหน้าต่างข้างๆ 3 ช่อง ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน พระประธานบนฐานชุกชีปางมารวิชัย ลดหลั่นลงมาเป็นพระอันดับซ้ายขวา 2 องค์ และยังมีภาพจิตรกรรม ฝาผนังที่เก่าแก่งดงาม ควรค่าแก่การศึกษา
วัดโคก
อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี



ตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบ้านฉาง ภายในวัดมีพระประธานปางสมาธิ เจดีย์มอญก่อสร้างแบบก่ออิฐถือปูนทาสีขาว ธรรมมาสน์เก่าทำด้วยไม้มะเกลือฝังมุขอายุกว่าร้อยปี และศาลาการเปรียญก่อสร้างด้วยไม้สัก เสาเป็นไม้แดง มีอายุ 100 ปีเศษ
วัดชัยสิทธิ์
อำเภอสามโคก จังหวีดปทุมธานี

วัดชัยสิทธิธาวาส สร้ามขึ้นเมื่อราวพ.ศ.2300 สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเดิมมีนามว่า " วัดป่า " เนื่องจากเดิมบริเวณวัดทั้งหมดเป็นป่าโดยทั่วไป ต่อมาปี พ.ศ.2402 เจ้าสัวเขียวได้มาทำการบูรณปฎิสังขรณ์เสนาสนะให้ดีขึ้น ครั้นเมื่อปี พ.ศ.2486 สมัยพระอธิการเจิม ยสชาโต เป็นเจ้าอาวาส ได้เปลี่ยนชื่อวัดป่า เป็นชื่อ " วัดชัยสิทธิธาวาส " สถานที่ตั้ง ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวีดปทุมธานี 10160 โทรศัพท์.02 581 8147 , 089 241 4177
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น